Tuesday, 18 January 2011

ช่อสะอาด

             เมื่อเอยถึงคำว่า ขาวสะอาด คุณจะนึกถึงอะไร บางคนอาจนึกถึงผ้าสีข้าว บางคนก็นึกถึงดอกไม้ และถ้าเอยถึงคำว่า ความโปรงใส ล่ะคุณจะนึกถึงอะไร บางคนอ้างถึงกระดาษใส บางคนก็นึกถึงกระจกสะอาด แตกต่างกันไปอยู่ที่การมองของแต่ละคน
โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองคำว่า ขาวสะอาด และ ความโปรงใส ได้มิติละแตกต่างกันไป มิติแรกผมมองว่า ขาวสะอาด นั้นเปรียบเสมือนเด็กที่ไร้เดียงสา เด็กเป็นที่ชื่นชมเอ็นดูเมตตาแก่ผู้พบเห็น เด็กที่ต้องการการชี้นำจากผู้ใหญ่ เด็กที่ช่างสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เด็กที่ต้องการผู้ชี้แนะว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด เหตุเพราะว่า เด็ก ในเมื่อทะเลาะกันแล้วไม่นานก็คืนดีกัน เพราะการวางตัวของเด็กทำให้เกิดการเรียนรู้และการพัฒนา เพราะเด็กทำอะไรลงไปแล้วไม่เคยคิดที่จะโกง เพราะความกลัวของเด็กจึงไม่กล้าที่กระทำแม้แต่หลอกคนอื่น เหล่านี้คือความขาวสะอาดรวมถึงคุณธรรมเล็กๆและความบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นในตัวเด็ก
ส่วนมิติของ ความโปรงใส นั้นผมมองว่า ความโปรงใสเปรียบเสมือนความรู้สึกสดใสที่เรามีในยามเช้า เรารู้สึกอย่างนี้ไม่ใช่เพราะปัจจัยอะไรอื่นใด แต่เพราะสมองก้อนเล็กๆของเราซึ่งในแต่ละวันต้องแบกรับปัญหาที่ใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่าเหลือเกิน ได้พักผ่อนเพียงพอ ต่อไป ณ วินาทีที่สมองตื่นนอนเราจะบรรจุเรื่องราวอะไรลงไปเพื่อที่จะทำให้สมองคงความรู้สึกสดใส ถ้าเราบรรจุแต่เรื่องดีๆชีวิตของเราในแต่ละวันจะมีแต่ข้อคิดดีๆ แต่ถ้าเราบรรจุเรื่องไม่ดีเราก็มีแต่เรื่องไม่สบายใจเกิดขึ้น หรือให้เราเลือกระหว่างคำว่า เพียงพอและ โลภบรรจุลงไป แต่ปัจจุบันนี้สิ่งที่เรานิยมเติมเต็มคำว่า ความไม่พอเพียง มากกว่า
ปัจจุบันนี้ภาพของความบริสุทธิ์ (ของเด็ก) เหล่านั้นถูกแต้มด้วยอะไร และความสดใสของสมองอันนำไปสู่การมีความคิดและข้อคิดดีถูกเติมเต็มด้วยอะไร
ท่ามกลางกระแสความเจริญทางด้านวัตถุ โดยมีความเสื่อมโสมทางคุณธรรมและจริยธรรมเป็นสิ่งสวนกระแส สังคมไทยพร้อมที่จะน้อมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เรียกว่า ความทันสมัยเพื่อตอบสนองและนำพาความสุขมาสู่ชีวิต โดยยอมทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือที่เรียกว่า คุณธรรม ทั้งๆที่การใช้ชีวิตของมนุษย์บนโลกนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหนึ่งปัจจัยใด อาทิ ความสำเร็จของเราไม่ได้มาเพราะเรา แต่เพราะคนรอบข้างและสภาพแวดล้อมต่างหาก เหล่านี้คือสิ่งที่จะทำให้ชีวิตของเราเกิดความสมดุลที่ทำให้เรารู้คำว่า คุณธรรม
ทารก เยาวชน ผู้ใหญ่ อาวุโส ครอบครัว ผู้นำ คือตัวประกอบหลักในสังคม คือตัวขับเคลื่อนหลักในสังคม
ถ้าเรามองย้อนกลับในอดีต สังคมไทยไม่ใช่สังคมบริโภค แต่เป็นสังคมแบบอย่างที่สามารถรักษาช่อแห่งความสะอาดทางคุณธรรมและจริยธรรมได้ต่างหาก ปัจจุบันทำไมโลกมีแต่ความเจริญทางด้านวัตถุ ส่วนคุณธรรมและจริยธรรมกลับไม่ได้เจริญตามไปด้วย ผมมองว่าความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นเพราะผู้นำ
                แนวความคิดที่ว่า การมอบดอกไม้นั้นเป็นการแสดงความยินดี ในกรณีที่ว่า คนรอบข้างเราประสบความสำเร็จ ถ้าเราสังเกตที่นี่มีตัวละครอยู่สองตัว ซึ่งแสดงบทบาทแตกต่างกัน กล่าวคือ บทบาทแรกคือผู้ให้และบทบาทที่สองคือผู้รับ ตรงนี่ผมกำลังจะบอกว่า ถ้าผู้นำเรียนรู้จากการเป็นผู้ให้และผู้รับในเวลาเดียวกันคุณธรรมและจริยธรรมจะเกิดขึ้นโดยปริยาย
ทุกวันนี้เยาวชน ชุมชน สังคม บ้านเมืองของเรา เสียหายมามากพอแล้วครับ ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่ผู้นำควรมอบช่อแห่งความซื่อสัตย์สุจริต ช่อแห่งความโปรงใส ช่อแห่งความจริงใจ ช่อแห่งด้วยความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ช่อแห่งความยติธรรมแก่ผู้ตาม (ประชาชน)
ถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องเปลี่ยนจาก การสร้างช่อแห่งฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือ ช่อแห่งผลประโยชน์ส่วนตัว มาเป็น การช่อแห่งการเปลี่ยนแปลงทางด้านคุณธรรมและจริยธรรมความซื่อสัตย์ โดยการสร้างบุคคลที่มีคุณภาพ สร้างครอบครัวที่อบอุ่น สร้างชุมชนที่เข้มแข็งที่พร้อมที่จะขับเคลื่อนประเทศและจงรักภักดี
หรือถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องเปลี่ยนคำว่า ทุจริต มาเป็น สุจริต
ถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องเปลี่ยนคำว่า แข่งขัน มาเป็น แบ่งปัน โดยเปลี่ยน ข แข่ง เป็น บ แบ่ง และ เปลี่ยน ข ขัน  เป็น ป ปัน
ถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องเปลี่ยนจาก ขัดแย้งในความแตกต่าง มาเป็น เรียนรู้ในความแตกต่างปัจจุบันถ้าผู้นำสามารถรวมสีทุกสีมาเป็นสีเดียวกันโดยเฉพาะสีที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทย ผู้นำคนนั้นก็คงจะเป็นบุคคลตัวอย่าง และถ้าผู้นำสามารถนำคำว่า ความรักที่ห่างเหินจากสังคมไทยมานานมาสู่หัวใจคนไทยผู้คนนั้นคงจะเป็นบุคคลประวัติศาสตร์
ถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องเปลี่ยนจาก ที่ทุกครั้งเรามักใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา มาเป็นใช้สติในการแก้ปัญหาแทน
และถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องเรียนรู้จากการแสดงสองบทบาทในเวลาเดียวกัน
สดท้าย ถ้าเราเอาความซื่อสัตย์ในการทำงานของเด็ก โดยบรรจุเรื่องดีๆ ในสมองก้อนเล็กเพื่อคงความสดใส และเอาวิสัยทัศน์ของผู้ใหญ่มารวมกัน ผู้คนในสังคมนี้ ผู้คนในบ้านเมืองนี้ จะมีแต่ช่อแห่งคุณธรรมและจริยธรรม เหล่านี้ ช่อสะอาดที่ทุกคนรู้จัก ดังผลงานของ นายกิตติบดี  บัวหลวงงาม

No comments:

Post a Comment